นกท้องเสีย เป็นอาการป่วยที่พบได้บ่อยมาก ถึงมากที่สุดในนกเลี้ยง
ไม่ว่าจะเป็น นกฟินซ์ 7 สี หรือนกชนิดอื่นๆก็ถือเป็นโรคยอดนิยม
ที่ทำให้นกป่วยและตายได้มากกว่าโรคชนิดอื่นๆ
นกท้องเสีย ทั่วไปเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
สาเหตุหลักๆ ก็จะเป็นเชื้อโรคต่างๆที่ปะปนในอาหารและน้ำ รวมถึงที่อยู่ในบริเวณกรง
หรือที่พักอาศัยของนก ยิ่งปล่อยให้หมักหมม หรืออยู่กันแออัด ก็ยิ่งเกิดขึ้นง่าย
และติดต่อกันได้ง่ายอีกด้วย
1. ควรแยกนกป่วยออกมาจากนกตัวอื่นๆ
เพื่อง่ายในการสังเกตุอาการ และไม่ให้แพร่เชื้อไปยังนกตัวอื่น
แนะนำให้ใช้กรง หรือกล่องขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถจำกัดพื้นที่นก เพื่อสังเกตุอาการ
และกรณีต้องกกไฟ จะได้ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ง่าย
2. กกไฟ ถ้าจำเป็น
กรณีอากาศเย็น หรือชื้น จะทำให้นกอาการทรุดลงได้มาก
ควรกกไฟให้อบอุ่นโดยใช้ความร้อนประมาณ 35-37 องศาเซลเซียส
3. ให้ยาตรงตามโดส และเวลาที่กำหนด
อันนี้สำคัญมาก ต้องให้ยาที่ถูกต้องเหมาะสมแก่นก และต่อให้นกมีอาการดีขึ้น
ก็ควรจะให้ยาให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะไม่งั้น อาจกลับมาเป็นอีก
หรือเกิดการดื้อยาได้
4. หมั่นตรวจสอบ อาการนกอย่างสม่ำเสมอ
ตรวจเช็คให้บ่อยทั้งอาการของนก และมูลนกที่ถ่ายออกมา
ว่าสภาพเป็นอย่างไร โดยมูลของนกจะสามารถบอกอาการได้หลายอย่าง
สามารถดูข้อมูลได้จากบทความ “การสังเกตุขี้นก สำหรับมือใหม่”
ผู้เลี้ยงโดยส่วนใหญ่จะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากเชื้ออะไร เพราะไม่ใช่สัตวแพทย์
และจะรู้ได้จริงๆต้องเพาะเชื้อตรวจกันเลยทีเดียว ซึ่งคงเกินกำลังของผู้เลี้ยงทั่วๆไปที่จะทำเองได้
ด้านล่างนี้จะเป็นวิธีที่ผมให้ยาสำหรับ นกท้องเสีย ที่ทำอยู่ที่บ้าน
อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนบ้านอื่น แต่ผมทำตามนี้แล้วได้ผลดีทุกรอบ
และจะแนะนำคนที่เข้ามาถามแบบนี้เสมอ ซึ่งก็ได้ผลที่ดีเช่นกัน
โดย Step ที่จะให้ยานกท้องเสีย ก็จะประมาณนี้
– ให้ใช้ Sulphadim หยดปาก 2-3 หยด เช้า-เย็น 3 วันแล้วสังเกตุอาการ
– อาการดีขึ้น
ขี้เหลวน้อยลง สดชื่นขึ้น
ให้ Sulphadim ต่อ จนครบ 10 วัน
– ดีขึ้นแต่ดูอ่อนเพลีย
ท้องเสียน้อยลง แต่ยังดูอ่อนแรง
ให้ Sulphadim + Bird Booster
– ไม่ดีขึ้น
ให้ Sulphadim + Ronivet-S
ร่วมกันจนครบ 10 วัน
– แย่ลง
ท้องเสียหนัก กินเองไม่ได้ อ่อนเพลีย
ให้ Sulphadim+Ronivet-S
จนครบ 10 วัน
ระหว่างนั้นถ้านกกินไม่ได้เพลียมาก ต้องหยด Bird Booster ช่วยด้วย เช้าเย็น รวมถึงป้อนอาหารลูกนกให้ด้วย
อย่างไรก็ตาม
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคย่อมเป็นทางที่ดีที่สุดในการป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่เลี้ยง รวมทั้งอาหารและน้ำที่ใช้
ควรดูแลอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้สกปรก เปียกชื้น หรือหมักหมม ซึ่งจะเป็นที่เพาะเชื้อโรคเป็นอย่างดี
นกจะสวย จะดีได้ อยู่ที่ตัวนกครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งอยู่ที่ผู้เลี้ยงเน้อ!!!