โดยทั่วไปแล้ว ห่วงขาเป็นอุปกรณ์ที่ดูไม่จำเป็นนักสำหรับผู้เลี้ยงทั่วไป
แต่สำหรับ Breeder หรือผู้เลี้ยงที่มุ่งมั่นใจพัฒนา และปรับปรุงสายพันธุ์
ให้นกของเรามีคุณภาพดีขึ้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ห่วงขานก เป็นเป็นบัตรประจำตัวประชาชนของนก ที่เราเลี้ยง
เมื่อมีการทำห่วงขา ก็จะมีการระบุข้อมูลและตัวเลข หรือที่เรียกสั้นๆว่า code
ให้กับนกแต่ละตัวของเรา เพื่อที่จะทำการขึ้นทะเบียน
และลงรายละเอียดสำคัญๆไว้ เพื่อที่เวลาเรานำนกตัวนั้นขึ้นมาทำ
ก็จะสามารถสืบข้อมูลย้อนหลังได้อย่างละเอียด
หมายถึงตัวเลข หรือตัวอักษรที่เราจะระบุไปบนห่วงขาของนก
นอกเหนือจากสีที่แยกกันอย่างเห็นได้ชัด เพื่อให้สามารถระบุรายละเอียดลงไปได้อีก
Code ของแต่ละบ้าน แต่ละฟาร์ม ในไทยไม่มีกำหนดตายตัว
อันนี้แล้วแต่สะดวกว่าใครจะใส่อะไรลงไปบ้าง ขอแค่ใส่พอ
ถ้าเป็นห่วงสั่งทำ
ก็อาจเป็นชื่อฟาร์ม + Running number
เช่นของผมก็จะเป็น
Finch by ตอย
001
ไล่ไปเรื่อยๆ จนหมดปี
พอขึ้นปีใหม่ก็วนเป็น 001 ใหม่ (แต่ห่วงเปลี่ยนสี)
ถ้าจะให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้เลี้ยงจะต้องทำตารางข้อมูล
(จดในสมุด หรือ excel หรือ softwar อื่นๆตามสะดวก)
กำกับไว้ด้วยว่า ห่วงสีนี้ ปีอะไร และแต่ละหมายเลข จะมีรายละเอียดคร่าวๆ
อย่างน้อยที่สุดตามนี้
1. หมายเลขห่วง
2. หมายเลขห่วง พ่อพันธุ์
3. สีห่วง พ่อพันธุ์
4. สีพ่อพันธุ์ (หัว, ตัว, อก)
5. หมายเลขห่วง แม่พันธุ์
6. สีห่วง แม่พันธุ์
7. สีแม่พันธุ์ (หัว, ตัว, อก)
เพื่อที่จะเช็คย้อนไปได้ว่าพ่อแม่ เกิดจากปู่ย่า ตายาย คู่ไหน
เป็นสปริทหรือไม่ ไขว้กับสีอะไรมาบ้าง (สีตัว, สีอก, สีหน้า)
ถ้าจะเพิ่มเติมจากนี้ เพื่อเพิ่มความละเอียดในการพัฒนาสายพันธุ์ก็ได้
เช่น
– จำนวนพี่น้อง ต่อครอก
– ขนาดนกเฉลี่ยในครอก
– ขนาดเมื่อโตเต็มที่
– Split สีตามพื้นที่ (หัว, ตัว, อก) เช่น สปริทหน้าส้ม, สปริทอกขาว , สปริทฟ้า เป็นต้น
ถ้าเป็นห่วงที่ตีหมายเลขเอง
โดยส่วนตัวจะประกอบด้วยตัวเลขประมาณนี้
YYMMXX
โดย
YY = ปีเกิด
MM = เดือนเกิด
XX = หมายเลขคู่พ่อแม่
โดยจะต้องมีตารางข้อมูลกำกับเช่นเดียวกันกับแบบด้านบนครับ